วันพุธที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2550

อยากล้างหม้อน้ำ

ที่มาจาก กรุงเทพ ธุรกิจออนไลน์ :

ดินฟ้าอากาศที่แปรปรวนในช่วงสี่ห้าปีที่ผ่านมานี้ คิดกันตามวิธีการสมัยใหม่ก็ต้องบอกว่ามีที่มาจากปฏิกิริยาโลกร้อนและปรากฏ การณ์เรือนกระจก แต่หากคิดแบบโบราณตามประสาคนในยุคที่ไม่แยแสเรื่องราวทางวิทยาศาสตร์ คนที่คิดในกรอบดั้งเดิมบอกว่านี่คือการ “เอาคืน” ของธรรมชาติ

ชายบ้านนอกอายุเกือบร้อยปีที่มีศักดิ์เป็นลุงของผมบอกว่า คนรุกรานธรรมชาติมานานมากแล้ว น้ำเคยไหลของมันมาตามทางอยู่ดีๆ คนก็ไปสร้างเขื่อนมากั้นลำน้ำบ้าง ไปขุดคลองลัดทำให้สายน้ำแปรเปลี่ยนไปบ้าง ส่วนที่เคยเป็นดินก็ถูกขุดให้เป็นสระ บางแห่งที่เคยเป็นที่ลุ่มก็ถูกถมเพื่อทำการก่อสร้างบ้านเรือน ภูเขาที่รุกขเทวดาเคยได้อาศัยก็ถูกขุดถูกระเบิดเพื่อเอาหินมาทำปูนซีเมนต์ บ้าง เอามาทำการก่อสร้างในรูปแบบอื่นๆ บ้าง

มนุษย์คิดว่าตัวเองเก่งสามารถบังคับธรรมชาติได้ คิดหาเครื่องไม้เครื่องมืออุปกรณ์มาต่อสู้กับธรรมชาติโดยไม่เคยคิดจะรอมชอม ใครที่สามารถสร้างเครื่องมือหรือสิ่งประดิษฐ์ขึ้นมาต่อต้านธรรมชาติได้ก็จะ ได้รับการยกย่องว่าเก่งกว่าผู้อื่น วันนี้ธรรมชาติจึงจำเป็นที่จะต้องแสดงพลังให้คนหรือมนุษย์ทั้งหลายได้รับ รู้ว่า ไม่มีวันที่จะต่อต้านแข็งขืนหรือเอาชนะธรรมชาติได้อย่างยั่งยืนอีกต่อไป

ผมฟังคำบอกเล่าของชายแก่ชาวบ้านนอก ที่คนรอบตัวคิดว่าแกเป็นเพียงคนแก่ที่หลงลืมตามวัยใกล้ร้อยปีแล้วตาสว่าง แกบอกกับผมว่าน้ำอยู่ใต้ดินดีๆ คนก็เอาแป๊บมาตอกลงไปขุดเอาขึ้นมาใช้ ดินมันจึงทรุดเพราะไม่มีน้ำคอยพยุงตัวอยู่ด้านใต้ เมฆลอยตัวอยู่อย่างสงบก็ดันเอาบ้องไฟเอาจรวดไปยิงให้มันแตกกระจาย แถมยังมีเครื่องบินไปบินวนจนเมฆอยู่ไม่เป็นสุข

เมื่อคนรบกวนบรรดาธรรมชาติทั้งหลายมานานแล้ว ก็สมควรที่ต้องรับเอากับการตีโต้เอาคืนในครั้งนี้บ้าง ฟังจบผมก็ยกมือไหว้ลาแกออกมาจากร้านแคร่ใต้ต้นมะขามใหญ่ริมแม่น้ำ พร้อมบอกกับตัวเองว่าลุงของผมหรือชายแก่คนนี้ แกไม่ได้บ้า แต่คนที่คิดว่าแกหลงลืมหรือบ้านั่นละที่บ้า

กลับจากบ้านนอกอันเป็นบ้านเกิดมาด้วยหัวใจเป็นสุข ผมก็เปิดกล่องจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ขึ้นมาตรวจสอบตามหน้าที่ พบจดหมายของ คุณสนธิชัย วีระดิลกธรรมกุล ถามว่า

ถาม ผมใช้รถยนต์ ฮอนด้า แอคคอร์ด ปี 1999 ตอนนี้ผ่านการใช้งานมาได้ 1.3 แสน กม.แล้ว ทุกอย่างยังใช้งานได้ดี แต่เมื่อเดือนที่ผ่านมาผมมีโอกาสได้ลาพักร้อนจึงใช้เวลามาทำการเปลี่ยนถ่าย น้ำในหม้อน้ำ พบว่าน้ำที่ออกมามีสีแดงคล้ายสนิม ผมถ่ายกี่ครั้งกี่ครั้งก็ไม่หมดเสียที จึงอยากทราบวิธีการกำจัดสนิมที่ถาวร ผมต้องทำอย่างไร เปลี่ยนหม้อน้ำจะหายหรือไม่ครับ

ตอบ นานๆ สักครั้งหนึ่งจะพบคนที่ใช้เวลาว่างมาทำการดูแลรักษารถมือสองด้วยตนเอง เพราะคนใช้รถยนต์ยุคนี้มักจะไม่มีเวลา หรือถึงมีเวลาผู้ผลิตรถยนต์ก็จะผลิตรถสมัยใหม่ออกมาให้ดูแลรักษาด้วยตนเอง ยุ่งยากมากขึ้น ส่วนใหญ่จะใช้วิธีการติดตั้งระบบตรวจเตือนมาไว้ให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน คนใช้รถจึงมีหน้าที่เพียงแค่อ่านมาตรวัดของระบบตรวจเตือนทั้งหลายให้แม่นยำ เท่านั้น เมื่อพบว่ามีการเตือนจากระบบใดระบบหนึ่ง ก็ทำได้เพียงแค่นำรถไปพบช่างในศูนย์บริการเท่านั้นเอง

วิธีการที่จะกำจัดสนิมในหม้อน้ำให้หมดไปอย่างถาวรยังไม่มีใครคิดขึ้นมาได้ เพราะในความเป็นจริงสนิมที่พบในน้ำหล่อเย็นไม่ได้เกิดขึ้นมาจากหม้อน้ำ เพราะหม้อน้ำสมัยใหม่จะใช้อะลูมิเนียมเป็นโครงสร้างในส่วนขอวงรังผึ้งและ ท่อทางเดินน้ำ ส่วนชิ้นส่วนที่เป็นท่อนล่างและท่อนครอบด้านบนของหม้อน้ำ ก็จะใช้วัสดุประเภทพลาสติกมาทำการผลิต

สนิมที่พบในน้ำจากระบบหล่อเย็นมีที่มาจากท่อทางเดินน้ำบริเวณข้างเสื้อสูบ เป็นส่วนใหญ่ เพราะเสื้อสูบของรถยนต์ส่วนมากผลิตมาจากเหล็กหล่อที่เกิดสนิมได้ง่าย ซึ่งท่อทางเดินน้ำบริเวณข้างเสื้อสูบจะเป็นช่องทางเล็กๆ ที่ลดเลี้ยวซอกซอนไปมาคล้ายทางเดินของมดหรือปลวก

ยุคก่อนมีคนแนะนำให้ใช้ผงซักฟอกผสมลงไปในน้ำที่ใช้ในระบบหล่อเย็น แต่คำแนะนำของผู้ผลิตในปัจจุบันนี้จะห้ามไม่ให้ใช้ผงซักฟอกหรือสารที่เกิด ฟอง เพราะเกรงว่าหากมีสารที่ก่อให้เกิดฟองตกค้างอยู่ในระบบ จะทำให้เกิดการสูญเสียของอุปกรณ์ตรวจวัดอุณหภูมิได้

วิธีการที่ง่ายที่สุดสำหรับการที่จะทำความสะอาดระบบหล่อเย็นด้วยตนเอง คือการขยันถ่ายน้ำในระบบบ่อยๆ และควรถ่ายน้ำในขณะที่อุณหภูมิของน้ำยังร้อนๆ หรืออย่างน้อยก็ยังอุ่นๆ อยู่ เพราะสิ่งสกปรกและสนิมจะยังไม่ตกตะกอนนอนก้น จะมีโอกาสถูกถ่ายทิ้งออกมาได้ง่ายกว่าการถ่ายตอนที่น้ำในระบบเย็นหมดแล้ว

หากพบว่าหลังจากถ่ายน้ำไปแล้วยังมีสีสนิมหลงเหลืออยู่ก็ไม่ต้องตกใจ เพราะเป็นเรื่องปกติธรรมชาติที่สนิมยังคงต้องมีอยู่บ้าง ถ้าไม่สบายใจจริงๆ ก็ต้องนำรถไปหาช่างที่ร้านหม้อน้ำ ให้เขาทำการล้างหม้อน้ำด้วยการใช้แรงดันน้ำเข้าไปไล่สิ่งสกปรกรวมทั้งสนิม ออกมา แต่หากไม่ตะขิดตะขวงใจจริงๆ ก็ปล่อยมันไว้อย่างนั้นเถอะ ไม่เสียเงินและไม่ต้องกลัวผลกระทบด้านลบที่อาจจะตามมาภายหลังอีกด้วย

ข้อสำคัญอยู่ที่ต้องตรวจระดับ น้ำในระบบหล่อเย็นอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง และขณะขับรถต้องหมั่นสังเกตมาตรวัดความร้อนเสมอๆ เท่านั้นเองครับ

พัฒนเดช อาสาสรรพกิจ

ไม่มีความคิดเห็น: